อย่างที่ทราบกันดีว่า สภาพอากาศบ้านเรานั้นค่อนข้างมีความแปรปรวน และรุนแรงโดยเฉพาะ แสงแดด กับลมพายุ ดังนั้นวัสดุที่นำมาใช้ก่อสร้างอาคาร จึงจำเป็นต้องมีความทนทานสูง และมีราคาสมเหตุสมผล เพื่อลดต้นทุนทั้งการซ่อมบำรุง และการใช้งานในระยะยาว ดังนั้น เมทัลชีทบลูสโคป ซึ่งเป็นแบรนด์แผ่นโลหะชุบสังกะสีอันดับหนึ่ง จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
วันนี้ MTcement ก็ได้มีข้อมูลดีๆ มาฝากทุกท่านเกี่ยวกับ เมทัลชีทบลูสโคปรุ่น คัลเลอร์บอร์น ที่มีจุดเด่นด้านสารเคลือบสีเทคโนโลยีระบบสีขั้นสูงจากประเทศออสเตรเลีย โดยในบทความนี้เราจะมาพูดถึง การทดสอบ CCT และมาตรฐานการผลิตของบลูสโคปว่า ทำไมแบรนด์เมทัลชีทชื่อดังจากแดนจิงโจ้ ถึงครองใจผู้รับเหมา และวิศวกรทั่วทุกมุมโลก
การทดสอบ CCT กับ เมทัลชีทบลูสโคป คืออะไร

หากพูดถึงความทนทานของวัสดุประเภทโลหะ หลายคนคงนึกถึงการกัดกร่อนของสนิม การผุพัง และความคงทนต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งเมทัลชีทส่วนใหญ่จะถูกทดสอบด้วย การทดสอบที่ชื่อว่า The Cyclic Corrosion Test (CCT) หรือ Combined Cyclic Corrosion Test เป็นการทดสอบเชิงปฏิบัติการ โดยการเร่งสภาวะการกัดกร่อน เพื่อทดสอบความคงทน และสภาพการกัดกร่อน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เมทัลชีทจำเป็นต้องมี
โดยการทดสอบนี้จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการทดสอบแบบเดิม หรือก็คือ Salt Spray Test (SST) ซึ่งเป็นการนำแผ่นโลหะเมทัลชีทมาทดสอบด้วยการฉีดสเปรย์น้ำเกลือเพียงอย่างเดียว โดยจุดเด่นของการทดสอบการกัดกร่อนแบบ CCT ก็คือ
- เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมหลายรูปแบบ โดยเน้นที่ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผุกร่อนของวัสดุ ยกตัวอย่างเช่น มีละอองเกลือ อากาศร้อน มีความชื้นสูง วนเวียนสลับกันภายในห้องทดสอบเดียว เรียกว่า 1 Cycle
- 1 Cycle จะใช้เวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมง โดยภายใน 1 Cycle นั้นจะประกอบไปด้วยสภาพอากาศที่หลากหลาย เมื่อทำการทดสอบหลายครั้ง ก็จะสามารถนับความคงทนเป็นระยะเวลาได้เช่น 40 รอบเท่ากับ 320 ชั่วโมง เป็นต้น
- การจำลองรูปแบบดังกล่าว ไม่สามารถนำไปเทียบกับสภาพอากาศตามสภาพแวดล้อมจริงได้ การทดสอบรูปแบบนี้จึงมุ่งเน้นไปที่รูปแบบ และการเสื่อมสภาพของ แผ่นเมทัลชีท เช่น การเกิดสนิม การพองตัว หรือความคงทนของสี เป็นต้น
ขั้นตอนในการทดสอบ Cyclic Corrosion

เมทัลชีทของบลูสโคปในประเทศไทย ได้ถูกทดสอบในรูปแบบ CCT และรูปแบบการทดสอบมาตรฐานอื่น ๆ ที่สถาบันเหล็ก และเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย (ISIT) เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพกับแผ่นเหล็กชนิด และยี่ห้ออื่น ๆ ในท้องตลาด โดยจะมีขั้นตอนที่รัดกุม และถูกควบคุมตัวแปรให้มีความเป็นกลางในการทดสอบมากที่สุด เพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ดังขั้นตอนต่อไปนี้
- นำตัวอย่างแผ่นโลหะเมทัลชีทบลูสโคป และแผ่นโลหะประเภทอื่น ๆ มาตัดเป็นขนาด 7×15 ซม. จากนั้นนำมากากบาทเป็นรูปตัว X ความลึกถึงชั้นเคลือบผิวตามมาตรฐาน AS 2331.3.13 Cycle E
- วางตัวอย่างทุกแผ่นลงบนอุปกรณ์ ทำมุม 45 องศา เพื่อจำลองการติดตั้ง และมุมที่มักใช้งานกับอาคารทั่วไป
- นำตัวอย่างเข้าเครื่องทดสอบเทคโนโลยีสูง เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมทุกรูปแบบ เพื่อเปรียบเทียบและวัดประสิทธิภาพความทนทานของวัสดุ
- ตั้งเวลาการทดสอบตามจำนวนรอบที่ต้องการ เช่น 250 วงรอบ (2,000 ชั่วโมง) ตามมาตรฐาน ISO 9223-2012
- เมื่อครบกำหนดเวลาการตั้งค่าแล้ว ให้นำแผ่นตัวอย่างออกมาทำความสะอาดคราบเกลือ หรือคราบอื่น ๆ ก่อนวัดผล
เมื่อได้ผลลัพธ์ที่ออกมาแล้ว แผ่นวัสดุเมทัลชีทที่ดีตามมาตรฐาน AS/NZS 2728-2007 ได้ระบุว่าวัสดุที่ทนทานการกัดกร่อนจากการทดสอบ CCT ระดับ C4 (สภาวะกัดกร่อนสูง) ในระยะ 250 รอบ แล้วไม่เกิดสนิมบริเวณกากบาท จะถือว่าเป็นเมทัลชีทที่มีความทนทานสูง และเหมาะจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ISO 9223-2012
คุณสมบัติเด่นของ คัลเลอร์บอนด์
หลังจากทราบรายละเอียดการทดสอบของ แผ่นเมทัลชีท กันไปเรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่าแม้เมทัลชีทบลูสโคป คัลเลอร์บอนด์จะมีลักษณะภายนอกที่ไม่แตกต่างจากแผ่นโลหะประเภทอื่น ๆ มากนัก แต่คุณสมบัติของเนื้อโลหะ สารเคลือบเหล็ก และสารเคลือบสีนั้น ได้ใช้เทคโนโลยีระดับสูงที่พัฒนามาอย่างยาวนาน จึงการันตีความทนทานของสีสัน ต้านทานการหลุดลอก รวมถึงการแตกลายงาของสีได้ดี ดังนั้นอาคารที่ใช้แผ่นเมทัลชีทบลูสโคป คัลเลอร์บอนด์ จึงมีสันที่สวยงามคงทนไปได้ยาวนานเป็น 10 ปี !

โดยข้อดีของ Bluescope Colorbond ก็ยังมีอีกมากมาย อาทิ
- ป้องกันความร้อน – ด้วยเทคโนโลยี THERMATECH จึงช่วยให้แผ่นวัสดุมีความทนทานต่อรังสียูวีทุกระดับ เมื่อเปรียบเทียบกับแผ่นโลหะทั่วไป บลูสโคป คัลเลอร์บอนด์จะสามารถสะท้อนแสงแดดได้ดีกว่า ดูดซับความร้อนได้น้อยลง ช่วยให้ตัวอาคารมีอุณหภูมิเย็นขึ้น และประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย
- สะอาด ดูสดใหม่ยาวนาน – ระบบการเคลือบสีของบลูสโคปนั้น ถูกคิดค้นและพัฒนาด้วยเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ จึงสามารถป้องกันการติดฝุ่น และชะล้างออกได้ง่ายดายด้วยน้ำฝน
- ทนทาน ต้านการสึกกร่อน – จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดในบทความ จะเห็นได้ว่าแม้การทดสอบ CCT จะรุนแรงเพียงใด แผ่นเมทัลชีทบลูสโคป ก็ไม่เกิดสนิม ดังนั้นแม้อาคารจะใกล้กับมหาสมุทรที่มีการกัดกร่อนจากเกลือทะเล ชั้นเคลือบ AZ150 และชั้นสี ก็สามารถปกป้องให้แผ่นเมทัลชีทยังคงดูใหม่อยู่เสมอ
- สีสันสวยงาม – สีสันเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ทางบลูสโคปให้ความใส่ใจ รุ่น Colorbond จึงมีสีสันให้เลือกใช้มากมาย ทั้งเฉดอ่อน เข้ม หรือเลียนแบบธรรมชาติ สามารถนำไปปรับใช้ได้หลายโครงการ หลากดีไซน์
เลือกซื้อ เมทัลชีทบลูสโคป คัลเลอร์บอนด์ ราคาพิเศษ ที่ MTCement
สรุปได้ว่าแผ่นเมทัลชีทนั้น จะมีราคา และสีสันใกล้เคียงกันในท้องตลาด แต่คุณสมบัติ และความทนทานจากเทคโนโลยีที่ใช้ผลิตนั้น มีความแตกต่างกันอยู่มาก การเลือกใช้แผ่นเมทัลชีทจากแบรนด์ดังมาตรฐานระดับสากล จะช่วยให้อาคารของคุณสวยงามอยู่เสมอ หมดปัญหาเกี่ยวกับการผุกร่อน หรือค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงแม้จะผ่านระยะเวลาไปนานเป็น 10 ปี !
สำหรับท่านใดที่ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม MTcement พร้อมให้คำปรึกษา เพราะเราคือ ธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ทั้งค้าส่ง และค้าปลีกในระยะเวลายาวนานกว่า 40 ปี และเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า จากผู้ผลิตชั้นนำหลายแห่ง จึงทำให้เรามีอำนาจในการต่อรองราคา และสามารถจำหน่ายสินค้าในราคา “กันเอง”
ถ้าหากลูกค้าท่านใดต้องการใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก ทางเราสามารถต่อรองกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อนำเสนอ “ราคาพิเศษ” ให้กับคุณได้ ที่สำคัญยังมีทีมขนส่งเกือบทุกประเภทจากทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ และ ปริมณฑล เพื่อให้ได้รับการบริการที่ทั่วถึง เพราะทางเราใส่ใจความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า เพื่อให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
เราขอแนะนำ แผ่นเมทัลชีท บลูสโคป แซคส์ แผ่น เมทัลชีทราคา ดี เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูง AZ150 คุณภาพสูงจากแบรนด์บลูสโคป
และ เมทัลชีท เหล็กนอก AZ70 สี ราคาประหยัด หาซื้อได้แล้วที่ MTcement เท่านั้น
ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ เรื่องผลิตภัณฑ์ แผ่นเมทัลชีท ราคา ดีหรือสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมได้เลยที่นี่
Facebook: คอนกรีตผสมเสร็จ โดย เมืองไทยซีเมนต์
E-mail: info@mtcement.com
Line: @mtcement

